เมนู

7. มิตตาเถรีคาถา


[426] ข้าพเจ้าปรารถนาเทพนิกาย เข้าจำอุโบสถ
ประกอบด้วยองค์ 8 ประการตลอดวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ
8 ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ วันนี้
ข้าพเจ้ามีภัตตาหารมื้อเดียว มีศีรษะโล้น ห่มผ้า
สังฆาฏิ ไม่ปรารถนาเทพนิกาย ข้าพเจ้ากำจัดความ
กระวนกระวายในหทัยได้.

จบ มิตตาเถรีคาถา

7. อรรถกถามิตตาเถรีคาถา


คาถาว่า จาตุทฺทสึ ปญฺจทสึ เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีชื่อ
มิตตา อีกองค์หนึ่ง.
แม้พระเถรีชื่อ มิตตา องค์นี้ ก็สร้างสมบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์
ก่อน ๆ สั่งสมกุศลที่เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี นางเกิดในตระกูลกษัตริย์ รู้ความแล้วเป็น
นางในของพระเจ้าพันธุมะ เห็นพระเถรีผู้เป็นขีณาสพองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นสาวิกา
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าวิปัสสี มีใจเลื่อมใส รับบาตรจากมือของพระเถรีนั้น
แล้วใส่ของเคี้ยวอันประณีตจนเต็ม ไปถวายพร้อมกับผ้าสาฎกมีค่ามากสองผืน
ด้วยบุญกรรมนั้น นางท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปปาท
กาลนี้เกิดในศากยราชตระกูล ในกรุงกบิลพัสดุ์ รู้ความแล้ว ฟังธรรมในสำนัก

ของพระศาสดา ได้ศรัทธา ได้เป็นอุบาสิกา เวลาต่อมานางบวชในสำนักของ
พระมหาปชาบดีเถรี เจริญวิปัสสนาอยู่ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัต เพราะ
เหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า1
ในพระนครพันธุมดี มีกษัตริย์พระนามว่า พัน-
ธุมราช ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของท้าวเธอ ประพฤติร่วม
กัน ในกาลนั้นข้าพเจ้าอยู่ในที่ลับนั่งคิดอย่างนี้ว่า บุญ
กุศลที่จะพาเราไปไม่ได้ทำไว้เลย เราจะต้องตกนรกที่
มีความเร่าร้อนมาก ทั้งเผ็ดร้อนร้ายแรงแสนทารุณเป็น
แน่ เราไม่สงสัยในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชา
กราบทูล คำนี้ว่า ขอพระองค์โปรดประทานสมณะองค์
หนึ่งแก่หม่อมฉัน หม่อมฉันจักให้ท่านฉัน พระเจ้าข้า
พระราชาผู้ใหญ่ได้ประทานสมณะผู้อบรมอินทรีย์แล้ว
แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารับบาตรของท่านเอาภัตตาหาร
อย่างประณีตใส่จนเต็ม ครั้นให้เต็มแล้วได้ทำภัตตาหาร
และของหอมเครื่องลูบไล้อย่างประณีต ปิดด้วยตาข่าย
แล้วเอาผ้าเหลืองคลุมไว้ ข้าพเจ้าระลึกถึงเรื่องนั้นเป็น
อารมณ์ของข้าพเจ้าตลอดชีวิต ทำจิตให้เลื่อมใสใน
เรื่องนั้น ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เป็นมเหสีของ
เทวราช 30 องค์ สิ่งที่ใจปรารถนาได้เกิดแก่ข้าพเจ้า
สมปรารถนา ข้าพเจ้าได้เป็นมเหสีของพระเจ้าจักร-
พรรดิ 20 องค์ ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ตนเองท่องเที่ยวไป
ในภพน้อยใหญ่ ข้าพเจ้าพ้นจากเครื่องผูกพันทุกอย่าง

1. ขุ. 33/ข้อ 146 เอกปิณฑปาตทายิกาเถรีอปทาน.

แล้ว มีการอุบัติไปปราศแล้ว อาสวะทุกอย่างหมดสิ้น
แล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มี ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้
ข้าพเจ้าได้ให้ทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้นข้าพเจ้า
ไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งบิณฑบาต ข้าพเจ้าเผากิเลส
แล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้ว.

ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาการปฏิบัติของตนได้กล่าวคาถา
สองคาถานี้เป็นอุทานว่า
ข้าพเจ้าปรารถนาเทพนิกาย เข้าจำอุโบสถ
ประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ตลอดวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ
8 ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ วันนี้ข้าพเจ้า
มีภัตตาหารมื้อเดียว มีศีรษะโล้น ห่มผ้าสังฆาฏิ ไม่
ปรารถนาเทพนิกาย ข้าพเจ้ากำจัดความกระวนกระวาย
ในหทัยได้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จาตุทฺทสึ ปญฺจทสึ ได้แก่ ดิถีเป็น
ที่เต็มแห่งวัน 14 ชื่อจาตุททสี ดิถีเป็นที่เต็มแห่งวัน 15 ชื่อปัญจทสี
ตลอดวันจาตุททสี 14 ค่ำ และวันปัญจทสี 15 ค่ำ นั้น เชื่อมความว่า แห่ง
ปักษ์. ก็บทนี้เป็นทุติยาวิภัตติใช้ในอรรถอัจจันตสังโยค (แปลว่า ตลอด)
ประกอบความว่าตลอดดิถีที่ 8 แห่งปักษ์นั้นด้วย. บทว่า ปาฏิหาริยปกฺขญฺจ
ได้แก่ ปักษ์สำหรับผู้รักษาอุโบสถ และปักษ์แห่งอุโบสถศีลที่พึงรักษาในวัน
13 ค่ำ แรม 1 ค่ำ 7 ค่ำ และ 9 ค่ำ โดยวันต้นเป็นวันเข้า วันสุดท้ายเป็น
วันออกตามลำดับของวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ และ 8 ค่ำ. อฏฺฐงฺคสุสมาคตํ
ความว่า ประกอบด้วยดีด้วยองค์ 8 ประการ มีเจตนางดเว้น จากปาณาติบาต

เป็นต้น. อุโปสถํ อุปาคจฺฉึ แปลว่า เข้าไปอยู่จำ ความว่า อยู่จำ. ที่
ท่านกล่าวหมายถึงว่า
ไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอาของที่เจ้าของไม่ได้
ให้ ไม่พึงกล่าวเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา พึงงดเว้นเมถุน
ซึ่งมิใช่พรหมจรรย์ ไม่พึงบริโภควิกาลโภชน์ในราตรี
ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และใช้ของหอม พึงนอนบนเตียง
บนแผ่นดิน หรือบนสันถัตเครื่องปูลาด บัณฑิตทั้ง
หลายกล่าวอุโบสถประกอบด้วยองค์ 8 นี้แหละ ที่
พระพุทธเจ้าทรงประกาศเพื่อคุณคือความสิ้นทุกข์1.

บทว่า เทวกายาภินนฺทินี ประกอบความว่า ข้าพเจ้าปรารถนา
อย่างยิ่งซึ่งเทพนิกายมีชั้นจาตุมหาราชเป็นต้น จึงเข้าจำอุโบสถ เพราะหวังเกิด
ในเทพนิกายนั้น. บทว่า สาชฺช เอเกน ภตฺเตน ความว่า ข้าพเจ้านั้น
วันนี้ คือในวันนี้แหละ มีเวลาบริโภคภัตตาหารหนเดียว. บทว่า มุณฺฑา
สงฺฆาฏิปารุตา
ความว่า โกนผมและคลุมร่างกายด้วยผ้าสังฆาฏิบวชแล้ว.
บทว่า เทวกายํ น ปตฺเถหํ ความว่า ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาเทพนิกายอะไร ๆ
เพราะแม้มรรคอันเลิศข้าพเจ้าก็บรรลุแล้ว. เพราะเหตุนั้นแหละจึงกล่าวว่า
วิเนยฺย หทเย ทรํ ความว่า กำจัดความกระวนกระวายคือกิเลสที่อยู่ในจิต
ด้วยการถอนขึ้น ก็คำนี้แหละเป็นการพยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถรีนั้น.
จบอรรถกถามิตตาเถรีคาถา
1. อัง. ติก. 20/ข้อ 510 อุโบสถสูตร.

8. อภยมาตาเถรีคาถา


[427] ข้าแต่แม่ ท่านจงพิจารณากายนี้ ซึ่งไม่สะอาด
มีกลิ่นเหม็นเน่า เบื้องบนลงมาจนจดพื้นเท้า เบื้องล่าง
ขึ้นไปจนจดปลายผม เมื่อพิจารณาอยู่อย่างนี้ เราถอน
ราคะทั้งปวงได้ตัดความเร่าร้อนได้ เราเป็นผู้มีความ
เย็น ดับสนิทแล้ว.

จบ อภยมาตาเถรีคาถา

8. อรรถกถาอภยมาตุเถรีคาถา


คาถาว่า อุทฺธํ ปาทตลา เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีผู้เป็น
มารดาของพระอภัยเถระ.
แม้พระเถรีผู้เป็นมารดาของพระอภัยเถระองค์นี้ ก็สร้างสมบุญบารมี
ไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สั่งสมบุญทั้งหลายในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าติสสะ เกิดในเรือนตระกูล รู้ความแล้ววันหนึ่ง
เห็นพระศาสดาเสด็จเที่ยวบิณฑบาต มีใจเลื่อมใส รับบาตรแล้ว ถวายภิกษา
ประมาณทัพพีหนึ่ง ด้วยบุญกรรมนั้น นางท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษย์
โลก ในพุทธุปปาทกาลนี้ ได้เป็นหญิงนครโสเภณีชื่อว่าปทุมวดี ในกรุงอุชเชนี
ด้วยวิบากแห่งกรรมเช่นนั้น พระเจ้าพิมพิสารทรงสดับคุณมีรูปสมบัติเป็นต้น
ของเธอ จึงตรัสบอกแก่ปุโรหิตว่า ได้ข่าวว่าในกรุงอุชเชนีมีหญิงงามเมืองชื่อ
ปทุมวดี ฉันใคร่จะเห็นเธอ ปุโรหิตกราบทูลว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า นำยักษ์ชื่อกุมภีร์
1. พระสูตร เป็น อภยมาตาเถรีคาถา.